ผลิตภัณฑ์
ที่คุณรัก
ก็รักโลก เหมือนคุณ

คาร์บอนฟุตพริ้นต์ลดลง 34% ด้วยชิป M1
ใช้ทังสเตนรีไซเคิล 100% ใน Taptic Engine
100% final assembly sites verified certified zero waste
ไม่ใช้พลาสติกหุ้มภายนอก
ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%
No mercury, no PVC, no beryllium, no BRFs*

มีแผนการดีๆ

เรามีความเป็นกลางทางคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 2020 และภายในปี 2030 ทุกผลิตภัณฑ์ของเรา
ก็จะเป็นอย่างนั้นเช่นเดียวกัน

เป้าหมายของเราในการทำให้ผลิตภัณฑ์มีผลกระทบจากคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2030 นั้นสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาที่เรามีต่อผู้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด และต่อชุมชนทั่วโลกที่กำลังหาแนวทางแก้ไขและร่วมกันลงมือต่อสู้กับปัญหาดังกล่าว

ดีไซน์ที่มีคาร์บอนต่ำ

เรากำลังออกแบบให้ผลิตภัณฑ์ของเราไม่สร้างผลกระทบจากคาร์บอน โดยเพิ่มส่วนประกอบ
ที่ผ่านการรีไซเคิล ใช้วัสดุอย่างประหยัดมากขึ้น
และทำให้ผลิตภัณฑ์ใช้พลังงานน้อยลง

การประหยัดพลังงาน

เรากำลังหาวิธีประหยัดพลังงานให้ได้มากขึ้นอีก ทั้งในร้าน ศูนย์ข้อมูล สำนักงาน และโรงงานผลิตของเราทุกแห่ง

ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

ตอนนี้บริษัทของเราดำเนินงานโดยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแล้ว 100% ทั้งแบบที่ได้จากแสงอาทิตย์ ลม และแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ และภายในปี 2030 การสร้างผลิตภัณฑ์ Apple ทั้งหมด รวมถึงพลังงานที่ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าใช้ก็จะเป็นพลังงานสะอาดเช่นกัน

หลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซโดยตรง

เรากำลังคิดหาทางออกสำหรับการผลิตและจัดส่งวัสดุ ส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ในแบบที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง

การขจัดคาร์บอน

เราได้ลงทุนในธรรมชาติเพื่อขจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซที่เรายังไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และในขณะเดียวกันยังช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย

ออกแบบมาเพื่อ
ทำให้โลกใบนี้

ดี
ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา

การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก็คือการต่อสู้เพื่อ
ความเท่าเทียม
ทางเศรษฐกิจ

ชุมชนคนผิวสีมักเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด ซึ่งการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมสามารถช่วยผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมสำหรับชุมชนเหล่านี้มากขึ้นได้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 Apple จึงได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรม Impact Accelerator เพื่อสนับสนุนธุรกิจของกลุ่มคนผิวดำ ฮิสแปนิก/ลาติน และชนพื้นเมือง 15 แห่ง ในการใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด เพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและโอกาสในด้านสิ่งแวดล้อม นี่เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Racial Equity and Justice Initiative (REJI) ของ Apple ซึ่งจะช่วยต่อสู้กับอุปสรรคเชิงระบบในการเข้าถึงโอกาส แล้วยังพัฒนาโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดอีกด้วย โดยธุรกิจเหล่านี้ตั้งอยู่ทั่วสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ซิลิคอนแวลลีย์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ไปจนถึงดีทรอยต์ มิชิแกน ตลอดจนชนเผ่าต่างๆ ในเขตมิดเวสต์ และกำลังผลักดันให้เกิดนวัตกรรมด้านการประหยัดพลังงาน พลังงานแสงอาทิตย์ เคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การรีไซเคิล และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยหลายๆ ธุรกิจได้มุ่งเน้นไปที่การนำพลังงานสะอาด โอกาส และการบริการที่จำเป็นต่างๆ มาสู่ชุมชนที่เปราะบางและด้อยโอกาส ซึ่งโปรแกรม Impact Accelerator ที่มีระยะเวลาสามเดือนนี้ ยังรวมไปถึงการให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญของ Apple ในหัวข้อต่างๆ เช่น พลังงานหมุนเวียนและการจัดหาอย่างรับผิดชอบอีกด้วย และการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างนักนวัตกรรม ทั้งในชั้นเรียนแรกของเราและที่ Apple เอง ก็เพิ่มโอกาสให้เกิดความก้าวหน้าในเป้าหมายที่เรามีร่วมกัน ทั้งนี้กลุ่มผู้เข้าร่วมโครงการ Impact Accelerator รุ่นที่ 2 จะเริ่มในเดือนสิงหาคม 2022

ใช้
ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนในการสร้างผลิตภัณฑ์ Apple

มลพิษจากการผลิตผลิตภัณฑ์ของเราคิดเป็นเกือบ 70% ของคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของเรา ดังนั้นการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดตลอดทั้งซัพพลายเชนจึงช่วยให้เราสามารถกำจัดฟุตพริ้นต์ส่วนใหญ่ออกไปได้ โดยตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา โปรแกรมพลังงานสะอาดสำหรับซัพพลายเออร์ของ Apple ได้ช่วยให้ซัพพลายเออร์ด้านการผลิตของเราเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ได้จากแสงอาทิตย์ ลม และโครงการพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ และในปี 2021 พลังงานหมุนเวียนที่ใช้ในซัพพลายเชนของเราสามารถสร้างพลังงานสะอาดได้ถึง 18.3 ล้านเมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้เกือบ 14 ล้านเมตริกตัน และวันนี้ซัพพลายเออร์ 213 รายได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% ในการผลิตผลิตภัณฑ์ Apple ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนใหญ่ของค่าใช้จ่ายโดยตรงของ Apple ในทั่วโลกสำหรับวัสดุ การผลิต และการประกอบผลิตภัณฑ์ และภายในปี 2030 ผลิตภัณฑ์ของ Apple ทุกชิ้นจะผลิตด้วยพลังงานสะอาดแบบ 100%

ผลิตภัณฑ์ของเราใช้พลังงานน้อยลง นี่แหละที่ทรงพลัง

ไฟฟ้าที่ลูกค้าของเราใช้สำหรับใช้งานอุปกรณ์ Apple คิดเป็น 22% ของคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของเราและส่งผลกระทบต่อคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของลูกค้าแต่ละราย ดังนั้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ใช้พลังงานน้อยลงจึงเป็นหนึ่งในวิธีสำคัญที่ช่วยให้เราลดผลกระทบจากคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ แม้ในระหว่างที่ใช้งาน โดยซอฟต์แวร์และส่วนประกอบที่ประหยัดพลังงานในอุปกรณ์ของเราสามารถจัดการปริมาณพลังงานที่ใช้ได้อย่างชาญฉลาด และอุปกรณ์ของ Apple ยังจัดว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงมาโดยตลอดซึ่งจัดอันดับโดย ENERGY STAR® นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Apple Silicon ในคอมพิวเตอร์ Mac ก็ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่น Mac mini ที่ใช้พลังงานขณะใช้งานน้อยลงสูงสุดถึง 60% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า2

สถานที่หลายแห่งใช้ไฟฟ้าจากแหล่งกำเนิดพลังงานสะอาดอย่างแสงอาทิตย์หรือลมแค่เพียงบางช่วงเวลาของวันเท่านั้นและวันนี้ iOS 16 ก็เปิดให้ใช้คุณสมบัติใหม่อย่าง Clean Energy Charging สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาแล้ว ซึ่งเป้าหมายก็คือการช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ iPhone นั่นเอง โดยเมื่อเสียบชาร์จ คุณสมบัตินี้จะตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟฟ้าในช่วงระยะเวลาที่คาดว่าจะต้องชาร์จไฟ แล้วปรับแต่งการชาร์จให้เหมาะกับช่วงที่ระบบไฟฟ้านั้นใช้แหล่งพลังงานที่สะอาดกว่าอย่าง พลังงานแสงอาทิตย์หรือลม ถึงแม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ แต่ถ้าเกี่ยวกับการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของเรา ทุกย่างก้าวก็ล้วนมีความหมาย

2 เท่า คือปริมาณที่เพิ่มขึ้นของทังสเตน แร่โลหะหายาก และโคบอลต์รีไซเคิลที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ของเราในปี 2021
75% คือปริมาณที่ลดลงของพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในบรรจุภัณฑ์เมื่อเทียบกับปี 2015

ลดเ พื่อสิ่งแวดล้อม

iPhone power adapter

อะแดปเตอร์แปลงไฟใช้วัสดุบางประเภทเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่พลาสติก ทองแดง ดีบุก ไปจนถึงสังกะสี ซึ่งเราคาดว่าการนำอะแดปเตอร์เหล่านี้ออกจากบรรจุภัณฑ์ของ iPhone 12 ช่วยให้เราไม่ต้องขุดหาแร่ทองแดง ดีบุก และสังกะสีได้ถึง 550,000 เมตริกตัน นอกจากนี้ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กลงและน้ำหนักเบาลงก็ทำให้เราใส่กล่อง iPhone ลงในแท่นบรรจุสินค้าเพื่อขนส่งได้มากขึ้นสูงสุดถึง 70% ซึ่งช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของเราได้มากขึ้นอีก และการนำอะแดปเตอร์ออกจากบรรจุภัณฑ์ของอุปกรณ์ก็ยังช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่า 2 ล้านเมตริกตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการนำรถ 500,000 คันออกจากท้องถนนเป็นเวลาหนึ่งปีเลยทีเดียว ก็ต้องบอกว่า การนำอะแดปเตอร์ออกไปนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Apple และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโลกของเรา

เรามุ่งมั่น
บ่มเพาะไอเดียใหม่ๆ เพื่อการขจัดคาร์บอน

เรากำลังทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อลดการปล่อยมลภาวะให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็มีมลภาวะบางอย่างที่เรายังหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจึงเริ่มต้นด้วยวิธีการทางธรรมชาติเพื่อช่วยขจัดคาร์บอนที่ปล่อยออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ออกจากชั้นบรรยากาศ โดยเราได้ก่อตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูหรือ Restore Fund มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ขึ้นมา ร่วมกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติระหว่างประเทศหรือ Conservation International (CI) และ Goldman Sachs เพื่อลงทุนในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศด้วยวิธีการทางธรรมชาติ และขณะเดียวกันก็มองหาวิธีสร้างผลตอบแทนทางการเงินไปด้วย และอย่างที่รู้กันว่า ป่าไม้ พื้นที่ชุ่มน้ำ และทุ่งหญ้าของโลกล้วนมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของโลก เราจึงได้ทำงานร่วมกับ CI เพื่อฟื้นฟูทุ่งหญ้าสะวันนาที่มีสภาพเสื่อมโทรมบริเวณเทือกเขา Chyulu Hills ในประเทศเคนยาด้วยวิธีการทางธรรมชาติ และนำนวัตกรรมรูปแบบใหม่มาใช้กับป่าชายเลนขนาด 27,000 เอเคอร์บริเวณชายฝั่งของโคลอมเบีย พร้อมอนุรักษ์ป่าฝนแอมะซอนในเขตสงวน Rio Nieva ทางตอนเหนือของเปรู และเรามีเป้าหมายที่จะขจัดคาร์บอนให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านเมตริกตันต่อปีผ่านกองทุนเพื่อการฟื้นฟู ซึ่งความพยายามทั้งหมดนี้จะช่วยกักเก็บคาร์บอน ฟื้นฟูระบบนิเวศ และเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นและชุมชนพื้นเมืองได้เข้ามามีส่วนร่วม พร้อมทั้งช่วยนำเราไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030

เป้าหมายของเราคือวันหนึ่งจะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ Apple ด้วยวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุหมุนเวียนได้ทั้ง 100% และเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น เราจึงต้องออกแบบอุปกรณ์ให้ใช้วัสดุรีไซเคิลมากขึ้น และมั่นใจได้ว่าจะสามารถคัดแยกวัสดุเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ได้เมื่อผลิตภัณฑ์สิ้นสุดอายุการใช้งาน เพราะเมื่อเราใช้วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุหมุนเวียน ก็เท่ากับว่าเราลดการพึ่งพาการทำเหมืองแร่ การขนส่ง และกรรมวิธีที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของเราและยังช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า อย่างอะลูมิเนียม ก็เป็นหนึ่งในวัสดุที่เราใช้มากที่สุด หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของฟุตพริ้นต์ในการผลิตผลิตภัณฑ์ของเราในปี 2015 ดังนั้นเราจึงพัฒนาโลหะผสมที่มาจากการรีไซเคิล 100% แต่ยังคงได้มาตรฐานระดับสูงของเราทั้งในด้านประสิทธิภาพและความแข็งแรงทนทาน โดย Apple Watch Series 8 ใหม่ และ Apple Watch SE นั้นใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ในตัวเรือน เช่นเดียวกับ iPad ทุกรุ่น, MacBook Air, Mac mini รวมถึง MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้อะลูมิเนียมกลายเป็นสัดส่วนไม่ถึง 10% ของฟุตพริ้นต์ในการผลิตผลิตภัณฑ์ของเราสำหรับปี 2021

นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ Apple ทุกชิ้นยังทำจากวัสดุที่นำกลับมาใช้สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ และการวิจัยจากห้องแล็บสำหรับการคัดแยกวัสดุเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในรัฐเท็กซัสก็ช่วยให้เราคัดแยกวัสดุสำคัญเหล่านั้นกลับมาใช้ได้มากขึ้นด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แล้วเรายังมีหุ่นยนต์แยกชิ้นส่วนที่ชื่อว่า Daisy, Dave และ Taz ที่จะคอยถอดและคัดแยกชิ้นส่วนของ iPhone เพื่อนำวัสดุสำคัญอย่างทองคำ โคบอลต์ ทังสเตน และแร่โลหะหายากกลับมาใช้ใหม่ โดยวัสดุที่รวบรวมได้เหล่านี้จะกลับเข้าสู่ตลาดซื้อขายวัตถุดิบอีกครั้งเพื่อให้เราและคนอื่นๆ สามารถนำวัสดุรีไซเคิลไปใช้สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นต่อๆ ไปได้ ซึ่งการปรับปรุงวิธีจัดหาและรีไซเคิลวัสดุอันมีค่าถือเป็นหนึ่งในหลากหลายวิธีการที่เราจะสามารถลดผลกระทบคาร์บอนจากผลิตภัณฑ์ของเรา และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบนโลกของเราอีกด้วย

10 กิกะวัตต์

คือปริมาณพลังงานสะอาดที่ใช้ในซัพพลายเชนการผลิตของเรา
70% คือปริมาณพลังงานโดยเฉลี่ยที่ผลิตภัณฑ์ใช้ลดลงตั้งแต่ปี 20083

สร้างผลกระทบเชิงบวกด้วยพลังงานสะอาด

ในเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเต็มรูปแบบภายในปี 2030 ของ Apple นั้น เรายังมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ทั่วโลกเข้าถึงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา โปรแกรม Power for Impact ของเราได้มอบทุนสนับสนุนให้แก่โครงการที่ปราศจากคาร์บอนและมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศและสังคม เพื่อช่วยให้ชุมชนและองค์กรท้องถิ่นสามารถเข้าถึงพลังงานที่คุ้มค่า ในขณะที่เราก็ควบคุมดูแลคุณลักษณะด้านสิ่งแวดล้อมของแต่ละโครงการได้ ขณะที่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในฟิลิปปินส์ ไทย ไนจีเรีย เวียดนาม โคลอมเบีย อิสราเอล และแอฟริกาใต้นั้นก็ช่วยจัดหาพลังงานที่คุ้มค่าให้กับชุมชนที่กำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบากด้านพลังงาน แล้วเมื่อไม่นานมานี้ Apple ยังได้นำพลังงานหมุนเวียนมาให้ชาวแอฟริกาใต้ที่เคยขาดแคลนพลังงานกว่า 3,500 ครัวเรือนได้ใช้ ยิ่งกว่านั้นเรายังช่วยลดค่าไฟฟ้าให้กับ Pioneer School for the Visually Impaired โดยการสนับสนุนเงินทุนในการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของโรงเรียน 3 แห่งในแอฟริกาใต้ และในเดือนตุลาคม 2021 เราได้ประกาศความร่วมมือกับ Oceti Sakowin Power Authority ซึ่งเป็นโครงการพลังงานสะอาดขนาด 500 เมกะวัตต์ ที่ชนเผ่า Sioux 6 ชนเผ่าในรัฐดาโกตาร่วมกันผลักดันเพื่อพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียนของชนเผ่าสำหรับตลาดค้าส่ง โดยโครงการนี้จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาพลังงานลมขนาดใหญ่ในแถบมิดเวสต์ด้วย นอกจากนี้เรายังคงเดินหน้าค้นหาวิธีอื่นๆ ที่จะช่วยขยายโอกาสการเข้าถึงโซลูชั่นพลังงานสะอาดในราคาที่เป็นมิตรทั่วโลก พร้อมกับเสริมศักยภาพของผู้คน และขับเคลื่อนโครงการพลังงานหมุนเวียนให้ก้าวหน้าไปทีละโครงการ

ดีสำหรับคุณ
ดีสำหรับโลก

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Apple Trade In
Group image of MacBook Air, iPad Pro, iPhone 14 Pro, and Apple Watch Series 8

บทพิสูจน์ล้วนอยู่ใน

ตัวผลิตภัณฑ์

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับความก้าวหน้าของอุปกรณ์ Apple ของคุณกับรายงานด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ของเรา

iPhone

iPad

Apple Watch

โน้ตบุ๊ก

เดสก์ท็อป

จอภาพ

Apple TV

iPod

เข้าใกล้
ความเป็นกลาง
ทางคาร์บอน
100% ยิ่งขึ้นทุกที

บริษัทของเราดำเนินงานโดยมีความเป็นกลางทางคาร์บอนอยู่แล้ว และเรากำลังเดินหน้าเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับความพยายามล่าสุดของเราในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ที่เหลือ ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนความเสมอภาค

ดูรายงานความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2022 (PDF)

รายงานและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เศรษฐกิจหมุนเวียน

เรามีเป้าหมายในการผลิตสินค้าที่ใช้เฉพาะทรัพยากรหมุนเวียนหรือวัสดุรีไซเคิลเท่านั้น เราจึงจัดลำดับความสำคัญ จัดหาทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ และนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ใหม่

กระบวนการทางเคมีที่ฉลาดยิ่งกว่า

Apple มีโปรแกรมอันเข้มงวดเพื่อตรวจสอบยืนยันว่าสารเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ของเรามีความปลอดภัย เรียนรู้เกี่ยวกับมาตรฐานที่เข้มงวดของ Apple, การประเมินทางพิษวิทยาที่ละเอียด และกระบวนการประเมินสารเคมีที่ต้องพึงระวัง

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถือเป็นปัญหาสำคัญของเราในขณะนี้ ซึ่งเป้าหมายของเราก็คือทั้งหมดต้องมีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 และด้านล่างนี้คือรายงานความก้าวหน้าของเราอย่างละเอียด

ผู้คนและสิ่งแวดล้อม
ในซัพพลายเชนของเรา

เราและซัพพลายเออร์ต่างปฏิบัติตามมาตรฐานระดับสูงสุดในด้านการปกป้องสิทธิแรงงานและสิทธิมนุษยชน สุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน แนวทางปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนถึงการจัดหาวัสดุอย่างรับผิดชอบ

ไปที่เว็บไซต์ความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์

คำถามที่พบบ่อย

หาคำตอบของคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Apple กับสิ่งแวดล้อม

อ่านคำถามที่พบบ่อย

อีกมากมายจาก Apple ในการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม