โดยเฉลี่ยแล้วจะต้องเสียค่าปรับ 30% ของภาษีการขายที่เกินกำหนดชำระในสหรัฐอเมริกา

เกณฑ์การจดทะเบียนในยุโรปจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่ €0 ในสเปนไปจนถึง £85,000 ในสหราชอาณาจักร

กว่า 130 ประเทศเรียกเก็บภาษีสินค้าดิจิทัล และยังมีอีกหลายประเทศที่วางแผนจะเรียกเก็บภาษีสินค้าดิจิทัลเช่นกัน

ธุรกิจนอกยุโรปที่จำหน่ายสินค้าและบริการดิจิทัลในยุโรปจะต้องเรียกเก็บภาษีตั้งแต่การขายครั้งแรก

คุณต้องชำระภาษีที่เกินกำหนดชำระเอง หากไม่เรียกเก็บภาษีการขายจากลูกค้า

การขาย SaaS ต้องเสียภาษี 100% ในรัฐนิวยอร์ก, 80% ในรัฐเท็กซัส และไม่ต้องเสียภาษีในรัฐแคลิฟอร์เนีย

ในปี 2022 สหรัฐอเมริกาจะปรับอัตราภาษีประมาณ 600 รายการ

ในยุโรป ธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าดิจิทัลจะต้องเก็บหลักฐาน 2 รายการที่มีข้อมูลตรงกันเพื่อใช้ยืนยันตำแหน่งที่ตั้งของลูกค้า

SaaS ต้องเสียภาษีในบางรัฐของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และในบางครั้งมีเพียง SaaS แบบ B2B หรือ B2C เท่านั้นที่ต้องเสียภาษี

บริษัทสตาร์ทอัพกว่า 80% บน Stripe จำหน่ายสินค้าและบริการในกว่า 20 รัฐและประเทศ

ในปี 2021 กว่า 20 ประเทศได้ปรับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าบางประเภท

รัฐอะแลสกา เดลาแวร์ มอนแทนา นิวแฮมป์เชียร์ และออริกอนไม่เรียกเก็บภาษีการขาย

72% ของธุรกิจออนไลน์มองว่าการปฏิบัติตามข้อกำหนดเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในระดับสากล

เกณฑ์การจดทะเบียนภาษีการขายของสหรัฐอเมริกาสำหรับผู้ขายทางไกลจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่ยอดขาย US$100,000 ดอลลาร์ หรือธุรกรรม 200 รายการในรัฐส่วนใหญ่ ไปจนถึง US$500,000 ดอลลาร์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก และเท็กซัส

แอฟริกาใต้และรัสเซียกำหนดให้ธุรกิจที่ไม่ได้จัดตั้งในประเทศต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากธุรกรรม SaaS แบบ B2B