ประวัติเพลงสรรเสริญเสือป่า
เพลงสรรเสริญเสือป่า เกิดขึ้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่
๖
ทรงสถาปนา กองเสือป่าขึ้น ในวันที่
๖
พฤษภาคม พุทธศักราช
๒๔๕๔
เพื่อใช้ในการยืนเคารพธง
เสือป่า
เพลงสรรเสริญเสือป่า เป็นพระนิพนธ์ใน
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์
กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
ทรง
น ามาเรียบเรียงทางบรรเลงใหม่จากเพลงบุหลันลอยเลื่อน ใน
อัตราจังหวะสองชั้น ซึ่งเป็นท านองของเพลงไทยเดิม พระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระพุทธเลิศล่า
นภาลัย รัชการที่
๒
ให้อยู่ในรูปแบบของเพลงฝรั่งและใช้แตรวงในการบรรเลง
ทูลกระหม่อม
บริพัตร
ทูลเกล้
า
ทูลกระหม่อม
ถวายเมื่อวันที่
๒
กันยายน พุทธศักราช
๒๔๕๔
และใช้บรรเลงครั้ง
แรก
เมื่อวันที่
๙
ตุลาคม
พุทธศักราช
๒๔๕๔
โดยวงแตร เสือป่าหลวงรักษาพระองค์
แต่หลังจาก
นั้น
๒
ปี
ในปี พุทธศักราช
๒๔๕๖
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
ได้ทรงนิพนธ์ค า
ร้องขึ้นถวาย ทูลกระหม่อม
บริพัตร เพื่อใช้กับเพลงสรรเสริญเสือป่า เป็นการ
ผนวกเข้ากัน ระหว่างท านองและเนื้อร้อง จึงท าให้เพลงสรรเสริญ เสือป่านั้น มีความสมบูรณ์แบบ
มากยิ่งขึ้น

เพลงไทยสากลที่เกิดขึ้นในระยะเริ่มแรก

เป็นเพลงคำนับของทางราชการ ตั้งแต่มีแตรวงสำหรับนำกองทหาร ครูฝึกซึ่งเป็นชาว อังกฤษได้นำเอา
เพลงชาติอังกฤษมาฝึก และใช้เป็นเพลงคำนับถูกเรียกว่า เพลงสรรเสริญพระบารมี หรือเพลงชาติไทย โดยได้ใช้เพลงดังกล่าวนี้
เป็นเพลงคำนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2394 จนถึงปี พ.ศ. 2414 ต่อมาพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้มีพระราชดำริให้
แต่งเพลงคำนับเป็นของไทยขึ้น พระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเรียกครูดนตรีไทยเพื่อปรึกษาเรื่องเพลงไทย
ที่ควรใช้เป็นเพลงคำนับ อย่างเพลงก็อดเสฟเดอะควีน ของอังกฤษ ครูเพลงไทยที่เข้าไปปรึกษา
ในครั้งนั้นประกอบด้วย ครูมรกฏพระประดิษฐ์ไพเราะ (ครูมีแขก) และ พระเสนาะดุริยางค์ (ขุนเณร)
ครูดนตรีเหล่านี้ได้นำเพลง บุหลันลอยเลื่อน มาดัดแปลงเป็นเพลงคำนับ ต่อมาจึงโปรดให้ มิเตอร์ เฮวุคเซน
บ้างก็เรียกว่า ครูยู่เซน แปลงเป็นทำนองเพลงสากลสำหรับให้แตรวงเป่าเป็นเพลงคำนับ (เพลงดังกล่าว
ในรัชกาลที่ 6 เปลี่ยนชื่อเป็นเพลงสรรเสริญเสือป่า) เพลงคำนับหรือเพลงสรรเสริญพระบารมีดังกล่าว
เป็นคนละสำนวนกับเพลงสรรเสริญพระบารมีในปัจจุบัน ส่วนเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้นั้น
ปโยตร์ส ชูโรฟสกี้ นักประพันธ์เพลงชาวรัสเซียเป็นผู้ประพันธ์ทำนองขึ้นในปี พ.ศ. 2431 โดยอาศัยทำนองเพลง
โซนาตินา สำหรับเปียนโนของ บีโทเฟน โดย สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงค์ ทรงประพันธ์คำร้อง
และบรรเลงครั้งแรกที่หน้าศาลายุทธนาธิการ เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2431

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฟังเป็นครั้งแรกก็ทรงพอพระราชหฤทัย เพลงนี้จึงเป็น
เพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงชาติไทยที่ใช้กันมาตั้งแต่นั้นจนถึงทุกวันนี้ ต่อมา
สมเด็จพระเจ้าบรมวงค์เธอเจ้าฟ้าบริพัตร สุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระราชโอรสองค์ที่ 33
ในรัชกาลที่ 5 เสด็จกลับจากยุโรปมาทรงบัญชาการทหารเรือราวปี พ.ศ. 2448 พระองค์สนพระทัยและ
เชี่ยวชาญในเรื่องดนตรีเป็นอย่างยิ่ง ทั้งดนตรีฝรั่งและดนตรีไทย มีวงดนตรีไทยประจำพระองค์คือ
วง บางขุนพรหม พระองค์ได้ศึกษาดนตรีจากต่างประเทศมา จนสามารถอ่านเขียนโน๊ตเพลง รวมทั้ง
ทรงนิพนธ์เพลงสากลได้ ทรงเป็นผู้ริเริ่มนิพนธ์เพลงไทยสากลขึ้น เพลงที่นิพนธ์เป็นทำนองเพลงสากล
ไม่มีเนื้อร้อง และส่วนมากดัดแปลงมาจากเพลงไทยเดิม เช่นเพลง สุดเสนาะ เพลง วอลซ์เมขลา
ดัดแปลงมาจากเพลงหกบท เพลงมหาฤกษ์ ดัดแปลงมาจากเพลงมหาฤกษ์2ชั้น เป็นต้น
จากการที่เป็นคนไทยคนแรกที่ริเริ่มแต่งเพลงไทยสากล และมีบทบาทในการพัฒนาการบรรเลงดนตรี
ตามระบบสากล โดยนำวิธีการแยกเสียงประสานวงดนตรีแบบสากลเข้ามาเผยแพร่ในเมืองไทย
ทำให้ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งเพลงไทยสากล