พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.ได้แจ้งสำนักพระราชวังว่า ได้เตรียมสถานที่และตั้งเต็นท์สำหรับการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทางทิศเหนือ ส่วนการย้ายจุดบริการประชาชนจากสนามหลวงฝั่ง ทิศใต้ไปทิศเหนือ เพื่อเตรียมงานพระราชพิธีและสร้างพระเมรุมาศนั้น ต้องขอความเห็นชอบจากทางสำนักพระราชวังเช่นกัน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะกั้นรั้วเพื่อก่อสร้างในวันที่ 1 ก.พ. 2560 และกลางเดือน ธ.ค.นี้ กรมศิลปากรจะกั้นรั้วสังกะสี รวมพื้นที่ 48 ไร่ แต่ทาง กทม.ได้ขอยืดเวลาออกไปเป็นวันที่ 10 ม.ค. 2560 เนื่องจากประเมินแล้วว่าช่วงวันหยุดยาวเทศกาล ปีใหม่นี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาจำนวนมาก

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานนำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณในวันดังกล่าวเวลา 08.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล

สำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดนั้นไม่จำเป็นต้องจัดกิจกรรมในเวลา 08.00 น. เพียงแต่ขอความร่วมมือให้ร่วมมือร่วมใจจัดกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 22 พ.ย. โดยการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณในแต่ละพื้นที่ก็ให้ผู้นำแต่ละส่วนงานเป็นผู้กล่าวนำ อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวนำที่ศาลากลางจังหวัด

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์กำลังหารือขั้นตอนการถ่ายทอดสดประมวลภาพกิจกรรมทั่วประเทศผ่านสถานีโทรทัศน์และวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ในวันที่ 22 พ.ย. เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศมีโอกาสรับชมและร่วมเทิดพระเกียรติไปพร้อมกัน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหตุที่รัฐบาลตัดสินใจจะจัดกิจกรรมในวันที่ 22 พ.ย. เนื่องจากใกล้กับวันพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร 50 วัน ในวันที่ 1 ธ.ค. และยังใกล้กับวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. จึงเป็นโอกาสดีที่จะร่วมแสดงความจงรักภักดี ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องไปถวายบังคมพระบรมศพเพียงอย่างเดียว แต่สามารถทำได้หลายกิจกรรม อาทิ การถวายสัตย์ปฏิญาณตน

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ยอดประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพในวันปกติ จันทร์-ศุกร์ ประมาณ 1.2 แสนคน ขณะที่วันเสาร์-อาทิตย์ จำนวน 1.5 แสนคน ทั้งนี้ได้สั่งให้เพิ่มช่องทางในการเข้าจุดคัดกรองต่างๆ 3 จุด ได้แก่ จุดที่อยู่บริเวณท่าช้าง บริเวณถนนพระจันทร์ และบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้เกิดคอขวดและระบายการเข้าออกของประชาชนได้เร็วขึ้น